ก่อนอื่นมารู้จักคำว่า " ออกจากกรรม "กันก่อน
คำนี้มาจากพุทธวัจนะของพระพุทธเจ้าโดยตรง
ซึ่งนำมาจากพระไตรปิฏก ฉบับบาลีสยามรัฐ อันเป็นฉบับมาตรฐานสากลที่ใช้อ้างอิงหลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนา
เพราะทุกวันนี้มีนักบวชมากมาย หลายสำนัก ไม่เอ่ยหรืออ้างอิง และแม้กระทั่งหยิบเอาพระสูตร ในพระไตรปิฏก สักเล่มมาใช้ในการประกอบการแสดงธรรมหรือสนทนาธรรม รวมทั้งการปุจฉา วิสัจชนา กับญาติโยม และหมู่นักบวช ก็แทบจะไม่มีนักบวชรูปใดกระทำกัน
นานๆที ถึงจะเห็นมีการหยิบเอาพระไตรปิฏกมาใช้กันบ้าง
ที่จริงมันต้องทำเป็นประจำทุกครั้งเวลาจะทำกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาใดๆก็ตาม เหมือนกับนักบวชในศาสนาคริสต์ที่เขาจะมีคัมภีร์ติดตัว และหยิบมาใช้กันเป็นวัฒนธรรม ส่วนท่านจะแสดงความคิดเห็นส่วนตัวก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ต้องอ้างอิงหลักธรรม ที่มาของหลักธรรม หน้าที่ ตอนใด บรรทัดใด และหมวดที่เท่าไร เล่มใดมาให้ประชาชนได้รับทราบ กลายเป็นวัฒนธรรมกันไปเลย
ประชาชนจะได้พ้นจากอวิชชา คือความไม่รู้จริงในพระธรรม
มิเช่นนั้นท่านก็ลาออกไปจาหน้าที่ของนักบวชซะ เพราะท่านตั้งตัวเป็นใหญ่เกินพระพุทธ พระธรรมแล้วนี่ พระพุทธเจ้า พระธรรมขององค์พระศาสดาไม่มีความหมาย เชื่อกันแต่เจ้าสำนัก หลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงน้า หลวงปู่ แม่ชี วัดนั้นวันนี้สำนักสำนักนี้ ไม่ใช่พระพุทธเจ้าเลย
ดังที่มีคนชอบอ้างคำสอนของพระพุทธทาส มาเป็นสรณะหรือหลักฐานยืนยันถึงความถูกต้องในหลักของพระพุทธศาสนา
ทีนี้ คำว่า ออกจากกรรมเนี่ย มันมีความสำคัญประการใด แตกต่างยังไงกับคำว่าแก้กรรม
ออกจากกรรมมันเป็นคำโบราณ มีแปลโดยตรงมาจากพุทธวัจน ซึ่งในสมัยนี้มันมีวิทยาการอธิบาย หรือใช้ประกอบการกล่าวถึงได้ง่ายมากขึ้น
เช่น หนังสือ เดอะซีเครต หรือหนังสือ เดอะท๊อปซีเครต และหนังสือสะกดจิตเปลี่ยนชีวิต ลิขิตกรรม หรือแม้กระทั่งภาพยนตร์ฮอลลี่วู๊ด ก็มีเอามาสร้างเป็นหนังเรื่องมหัศจรรย์นิทานก่อนนอน ที่ว่าเรากำหนดอนาคตของตัวเราเอาได้ ดวงชะตามีจริง แต่ก็เป็นอุปกรณ์คู่มือ ให้รู้บทบาท และพลอตเรื่องของแต่ละฉากชีวิต เหมือนด่านเกมส์ในเกมส์คอมพิวเตอร์ หรือหลักสูตรการศึกษาของแต่ละระดับชั้นที่ต้องผ่านไป โดยอาจมีคู่มือการเรียน การสอน หรือคู่มือทางลัดการเรียน และคู่มือการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ก็มีให้เลือกซื้อ ซึ่งอยู่ที่เราแล้วว่าในแต่ละด่านต้องทำตัวอย่างไรบ้างเพื่อให้ได้คะแนนสะสมมากพอเพื่อไปด่านอื่นต่อไป และทำอย่างไรไม่ให้แพ้ในแต่ละด่าน จนไปถึงด่านสุดท้าย ได้เป็นชนะในเกมส์ชีวิตนั้นๆ
ส่วนคำว่าแก้กรรมนั้น เป็นคำใหม่ในยุคใหม่
แต่ถามว่าการแก้กรรมมีจริงมั๊ย
ผมเชื่อว่ามีจริง
เพราะถ้าคุณเชื่อว่า กายกรรม 3 วจีกรรม 4 และมโนกรรม3 มีอยู่จริง กฎแห่งกรรม ชนิดของกรรม ทั้งกรรมดำหรืออกุศล กรรมขาวหรือกุศล และกรรมไม่ดำกรรมไม่ขาวหรือความบริสุทธิ์ ชื่อบาลี อัพยกฤต มีอยู่จริง
เราก็แก้กรรมได้ โดยแก้ที่ปัจจุบัน หากไม่ยึดติดว่ากรรมนั้น เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวร อย่างเดียว
กรรมหรือการกระทำในการทำงาน การดำรงชีวิตทุกรูปแบบก็คือกรรมเช่นกัน และเราก็ต้องสร้างอยู่แล้ว
คุณสร้างกรรมทำโทรทัศน์เสีย คุณก็ซ่อมมันให้ใช้ใหม่ได้ หรือไปจ้างเขาซ่อมใช้ได้ใหม่ได้ เช่นกัน
คุณทำงานยังไม่เสร็จแล้วค้างคาอยู่ คุณก็ทำมันให้เสร็จ
คุณทำงานเสีย คุณก็ซ่อมงานให้ใช้ได้ใหม่เพื่อให้ได้ความสำเร็จทางด้านการเงิน การงาน ความยอมรับของสังคมและคนในครอบครัว
นี่ก็คือการแก้กรรมเช่นกัน
แต่หากเป็นการแก้กรรมมันจะต้องแก้กันไปเรื่อยๆ เพราะเราไม่รู้ว่ามันจะเกิดแบบนี้หรือรู้แต่ระวังตัวไม่ได้ ต้องแก้เมื่อมันเกิดขึ้นไปแล้ว แก้กันไปทุกภพชาติไม่รู้จักจบสิ้นแต่มันก็แก้ได้จริงนะ เหมือนอย่างที่ในหนังโกงความตาย หนังเดจาวู ที่มีการแก้กรรม หรือใช้เทคโนโลยี่ย้อนเวลากลับไปแก้เหตุการ์ในอดีต และในอนาคต ก็สามารถทำได้ แต่มันจะเกิดเรื่องอื่นๆตามมาอีก เหมือนกับว่า คนมันจะตายยังไงก็ต้องตาย ตายครั้งนี้ แต่ตายเพียงคนเดียว หรือเลื่อนการตายไปอีกสามปี แต่ตายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยคน
อะไรอย่างนี้มันย่อมเป็นไปได้ ตามหลักการโน้มจิตไปหาสิ่งนั้น
แต่การออกจากกรรมมันคือ ยุติสิ่งปรุงแต่งต่างๆ หรือเหตุผลที่จะทำให้เป็นไปตามนั้น เพราะเรารู้ว่ามันจะเป็นเช่นไร เท่าทันอารมณ์ของตัวเอง หรือรู้เท่าทันกับตัวละครต่างๆในท้องเรื่องแต่ละด่านแต่ละตอนของชีวิต ในแต่ละวันแต่ละเดือน
แต่ผู้ที่จะออกจากกรรมได้ก็ต้องรู้จักกรรม รู้จักจิต รู้จักเจตสิก กิเลส ตัณหาทั้งตัวเองและผู้อื่น รู้แนวทางความเป็นไปของคนอื่นและตัวเอง หากเลือกทำอะไรแต่ละอย่างู้ลงไป
นั่นย่อมไม่ใช่วิสัยของปุถุชนธรรมดาทั่วไปจะทำได้
อาจต้องเป็นผู้มีความสามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ในอดีตและอนาคต ด้วยวิทยาการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือมีความสามารถเหนือธรรมชาติอยู่ในตัวเอง เพราะการจะรู้ใจผู้อื่นได้ รู้วาระกรรมของผู้อื่นได้ ย่อมไม่ใช่วิสัยของผู้ปกติปุถุชนธรรมดาจะได้ดีนัก
แต่ก็ไม่ใช่จะทำไม่ได้เลย ถ้าไม่ลงมือทำ แล้วลองปฏิบัติธรรม
เพราะทุกอย่างต้องมีการเริ่มต้นทั้งนั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งยาก หรือเป็นสิ่งง่ายนักที่จะกระทำกันได้ทันที แต่ต้องใช้เวลาแห่งการสะสม
นอกจากบางคนที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถเหล่านี้มาโดยกำเนิด
หรืออีกนัยหนึ่งคือการออกจากกฎแห่งกรรม นั่นก็คือการเข้าสู่นิพพาน การไม่ต้องเสวยวิบากกรรม อาจจะเป็นนิพพานที่ละขันธ์ห้า หรือนิพพานที่ยังไม่ละขันธ์ห้า หมายความว่านิพพานที่ยังมีกายเนื้อมีภพชาติเป็นมนุษย์ แต่เป็นพระอรหันต์ขีณาสพ ที่สามารถยืดอายุขัยอยู่ได้ไม่แก่เฒ่า ด้วยอำนาจแห่งอิทธิบาทสี่ วิชาสติปัฎฐานสี่ หรืออำนาจฌานอภิญญา ทำให้ยังอยู่ในภพของมนุษย์ได้
ซึ่งก็เป็นไปได้และไม่ผิดเพราะพระพุทธเจ้าเองก็ตรัสบอกให้พระอานนท์รับทราบ และให้ทูลขอให้พระองค์อยู่ต่อไป แต่พระอานนท์ไม่เข้าใจจึงไม่ได้ทูลขอ แต่พระอรหันต์ทั้งหลายในขณะนั้นก็รู้ถึงวิธีการนี้ ที่เป็นไปได้และไม่ผิดอะไร หากจะอยู่มีชีวิตยืนยาว และสร้างคุณความดีให้แก่สรรพสัตว์ ก็ไม่แปลกที่จะอยู่ได้ หากไม่มีอำนาจกรรม กิเลส ตัณหา มาบงการแล้ว ก็ไม่ต้องเกรงอะไร แม้แต่พญามาร หรือพญายมก็ตาม
ลองทำดูนะครับ ทั้งการออกจากกรรม และการแก้กรรม ทำมันสักอย่าง เดี๋ยวมันก็เชื่อมโยงไปถึงกันเอง
ลงมือทำและศึกษาพระไตรปิฏก และองค์ความรู้ต่างๆที่จะช่วยให้คุณเข้าใจและใช้พระไตรปิฏกฉบับบาลีสยามรัฐได้โดยง่ายกันเถอะครับ
|